Sunday, June 3, 2007

The Bodhi Tree in Anurathapura


ต้นพระศรีมหาโพธิ์ อายุ ๑๓๐๐ ปี เมืองอนุราธปุระ

วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้

พระพุทธรูปปางไสยาสน์ เมืองอนุราธปุระ

พระพุทธรูปหินแกะสลัก Aukana

Dumbulla : วิหารถ้ำที่มีพระพุทธรูปแกะสลักจากหินในถ้ำ


ความเป็นมาในการอัญเชิญพระสารีริกธาตุ จากประเทศศรีลังกา*
เมื่อวันที่ ๒๑-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ คณะจาริกบุญแสวงธรรมจากอเมริกา โดยพระเทพกิตติโสภณ ประธานสมัชชาสงฆ์ไทย ในสหรัฐอเมริกา และนำญาติโยมจากมหานครนิวยอร์ค เดลแวร์ นิวเจอร์ซี่ และแมรี่แลนด์ พร้อมทั้งญาติโยมจากประเทศไทยรวมทั้งพระสงฆ์ และฆราวาส ๓๕ ชีวิต โดยมี ดร.พระมหาถนัด อตฺถจารี พระธรรมทูตวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. เป็นผู้ประสานงานจัดรายการนำนมัสการพุทธศาสนสถานที่สำคัญในประเทศศรีลังกา สถานที่สำคัญที่สุดในเกาะลังกา คือวัดพระทันตธาตุ หรือ พระธาตุเขี้ยวแก้ว ที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสมบัติอันค้ำค่าของชาวพุทธศรีลังกา และชาวพุทธทั่วโลก และต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งนำกิ่งจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธองค์ประทับตรัสรู้ที่พุทธคยา มีอายุยืนที่สุดในโลกปลูกโดยพระภิกษุณีสังฆมิตตา พระธิดาพระเจ้าอโศกมหาราช อายุ ๒,๓๐๐ กว่าปีมาแล้ว ย้อนรอยอดีตกับนครหลวงแห่งแรกของเกาะสิงหล อนุราธปุระ ได้นมัสการพระสถูปเจดีย์เก่าแก่ เช่น สุวรรณมิกเจดีย์ ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุด สร้างโดยพระเจ้าทุฎฐคามินีอภัย และชมวัดมหินตเล สถานที่จำพรรษาของพระมหินทรเถระผู้นำพระพุทธศาสนามาเผยแผร่ ณ เกาะลังกา เมื่อพุทธศตวรรตที่ ๓ ชมโบราณสถานในเมือง โปโลนนารุวะ เมืองหลวงแห่งที่ ๒ ของศรีลังกา ชมวัดกัลวิหาร ที่มีพระพุทธรูปสลักจากหินผาน่าอัศจรรย์ และพระไตรปิฎกฉบับหินผา และพระราชวังพระเจ้าปรักมพาหุมหาราช ผู้อุปถัมภ์การทำสังคายนา และได้ชมพระราชวังลอยฟ้า สิกิริยา เมืองปราการบนยอดเขาของพระเจ้ากัสยปะ พยายามชลอสรรค์ลงมาสู่พื้นพิภพ หรือพระราชวังลอยฟ้าน่าอัศจรรย์ มีภาพเขียนสีปูนเปียกนางอัปสรบนหน้าผาสูงชัน อายุพันกว่าปี สียังสดใสงดงามราวกับจำลองนางสวรรค์ลงมาไว้บนพื้นพิภพ
ชมเมืองหลวงแห่งที่ ๓ คือ สิงหวัฒนานคร หรือ ที่รู้จักกันในปัจจุบัน คือ เมือง แคนดี้ ชมทิวทัศน์บนยอดเขามองลงมาเห็นทะเลสาบที่ทอดยาวกว้างใหญ่ ขุดโดยน้ำมือของมนุษย์ วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว นมัสการพระทันตธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์(ฟันของพระพุทธเจ้า)วัดอัสคิริยา ที่พระอุบาลี จากกรุงศรีอยุธยา เคยเป็นพระอุปัชฌาย์บวชพระภิกษุชาวสิงหล จนเกิดนิกายสยามวงศ์มาจนทุกวันนี้
และ โคลัมโบ เมืองหลวงปัจจุบัน-วัดคงคาราม ชมวิหารกลางน้ำ วัดกัลยาณีวิหาร นมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และพระสถูปเจดีย์ใหญ่ที่สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์สถานที่พระพุทธองค์เคยเสด็จมาประทับด้วยพระองค์เอง
สุดท้ายได้ร่วมงานถวายพระพุทธรูปที่หมู่บ้าน Velisavala ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน ธัมมานันทะ พระภิกษุชาวสิงหล ที่ไปศึกษาต่อในมหาจุฬาฯ มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งคณะสงฆ์ไทย และได้พำนักอยู่ที่วัดอัมพวัน เป็นผู้นำคณะมาถวายพระพุทธรูป และรูปปั้นพระมหินทรเถระ องค์อรหันต์ที่นำพระพุทธศาสนามาประดิษฐานที่เกาะลังกาเป็นครั้งแรก
ในโอกาสนี้เพื่อเป็นการสมนาคุณแก่คณะพระธรรมทูตจากสหรัฐอเมริกา นำโดยพระเดชพระคุณ พระเทพกิตติโสภณ ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ที่ได้นำพระพุทธรูปมาถวายเพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างคณะสงฆ์ทั้ง ๒ ประเทศ ทางคณะกรรมการวัดจึงได้มอบถวายพระสารีริกธาตุ ๑ องค์ เพื่อให้มาประดิษฐานไว้ที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้สักการบูชา เพื่อเพิ่มพูนบุญกุศล เป็นมงคลแก่ชีวิต

ขอเชิญนมัสการพระสารีริกธาตุอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา
เฉลิมฉลอง วันวิสาขบูชา มหาพุทธชยันตี
พุทธศาสนยุกาลครบ ๒๕๕๐ ปี
ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
วันที่ ๒๕-๒๖-๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
ร่วมประสานใจบวชเนกขัมมจารี -เนกขัมมจาริณี ถวายเป็นพุทธบูชา
เพิ่มพูนบุญกุศล เป็นมงคลแก่ชีวิต

วันวิสาขบูชา เชิญประชาชาวพุทธ กายใจบริสุทธิ์ น้อมเป็นพุทธบูชา


ความรู้เรื่อง “พระบรมสารีริกธาตุ”
คำว่า พระบรมสารีริกธาตุ หมายถึงกระดูกของพระพุทธเจ้า คำว่า “พระธาตุ” หมายถึง กระดูก หรือ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผู้ที่บรรลุธรรม มีจิตใจที่บริสุทธิ์ หมดกิเลส เป็นพระอรหันต์ ซึ่งเหลือจากการถูกเผา บางทีเรียกว่า อรหันต์ธาตุ มีทั้งพระสาวก และสาวิกาของพระพุทธเจ้า รวมถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า และอุบาสก อุบาสิกาผู้บรรลุพระอรหันต์ด้วย
พระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุ ตรงกับคำภาษาอังกฤษ ว่า Relic ซึ่งตรงกับภาษาลาติว่า “Reliquiae” แปลว่าส่วนที่เหลืออยู่ (Remains) ชนเผ่าทั้งหลายในอดีตนิยมเก็บกระดูกคนไว้ และถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประเพณีนิยมในทางพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะในยุคของพระพุทธเจ้าองค์ไหน นับตั้งแต่พระพุทธเจ้านามว่าทีปังกร มาจนถึงพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม การเก็บอัฐิ หรือ พระบรมสารีริกธาตุ พระสารีริกธาตุ หรือ แม้แต่พระธาตุ ไว้สักการบูชาก็มีปรากฎให้เห็นโดยทั่วไป
ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนากล่าวถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานไปแล้ว มี ๔ ประเภทด้วยกันคือ
๑. ธาตุเจดีย์ คือ พระบรมสารีริกธาตุ
๒. บริโภคเจดีย์ คือ สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล
๓. ธรรมเจดีย์ คือ จารึกข้อพระธรรม
๔. อุเทสิกเจดีย์ คือ สัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า เช่น ตราธรรมจักร พระพุทธรูป รอยพระบาท พระแท่นวัชรอาสน์ เป็นต้น
พระบรมสารีริกธาตุ มี ๒ ประเภท
๑. พระบรมสารีริกธาตุที่ไม่แตกกระจาย มี ๗ ส่วน คือ พระเขี้ยวแก้ว ๔ องค์ พระรากขวัญ ๒ องค์ พระอุณหิส หรือส่วนพระนลาฎ ๑ องค์ คำว่า “ ไม่แตกกระจาย” หมายถึงยังความเป็นรูปร่าง เป็นแท่ง หรือ เป็นกลุ่มก้อนสมบูรณ์ ไม่มีส่วนไหนหักบิ่นไป คือ ธาตุไฟไม่สามารถไหม้ให้เปลี่ยนแปรไปได้ขณะร่างกายถูกเผา
๒. พระบรมสารีริกธาตุที่แตกกระจาย คือส่วนอื่น ๆ นอกเหนือจาก ๗ ส่วนที่กล่าวแล้วนั้น จะมีรูปพรรณสัณฐานที่แตกต่างกันออกไป เช่นขนาดเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารหัก และบ้างมีขนาดใหญ่เท่าเมล็ดถั่วเหลือง กล่าวคือ เป็นพระธาตุที่เหลือจากที่ศพถูกเผา หรือ ได้ถวายพระเพลิงแล้ว ยังคงเหลือสภาพที่จะต้องเก็บไว้สักการบูชา
ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวถึงการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุของพระสมณโคดม สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน โดยมีการแบ่งไปประดิษฐานในนานาประเทศ ได้มีการสร้างพระสถูปบรรจุไว้ รวมทั้งสิ้น ๘ แห่ง คือ
๑. พวกเจ้าลิจฉวี ทรงสร้างสถูปบรรจุที่กรุงเวสาลี
๒. พวกเจ้าศากยะ ทรงสร้างสถูปบรรจุที่กรุงกบิลพัสดุ์
๓. พวกเจ้าถูลี ทรงสร้างสถูปบรรจุที่เมืองอัลลกัปปะ
๔. พวกเจ้าโกลิยะ ทรงสร้างสถูปบรรจุที่เมืองรามคาม
๕. พวกเจ้ามัลละแห่งเมืองปาวา ทรงสร้างสถูปบรรจุที่เมืองปาวา
๖. พวกเจ้ามัลละแห่งเมืองกุสินารา ทรงสร้างสถูปบรรจุที่กรุงกุสินารา
๗. พระเจ้าอชาตศัตรู เวเทหิบุตร ทรงสร้างสถูปบรรจุที่กรุงราชคฤห์
๘. มหาพราหมณ์ สร้างสถูปบรรจุไว้ที่เมืองเวฎฐทีกะ
ส่วนพวกเจ้าโมริยะ ได้ทราบข่าวปรินิพพานภายหลังได้ส่งทูตมาขอส่วนแบ่ง แต่ไว้แค่พระอังคาร(เถ้าถ่าน) นำไปสร้างสถูปบรรจุพระอังคารสถูป ที่เมืองปิปผลิลัน ส่วนโทณพราหมณ์ผู้ใช้ทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุแบ่งแก่กษัตริย์ทั้งหลาย ได้สร้างสถูปบรรจุทะนานไว้ที่เมืองกุสินารา เรียกว่า “ตุมพสถูป” ยังคงมีหลักฐานปรากฎเท่าทุกวันนี้
พระบรมสารีริกธาตุกระจายไปสู่ประเทศต่าง ๆได้อย่างไร
ลุถึงสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. ๒๑๘ ทรงเลื่อมใสในทางพระพุทธศาสนาโดยได้ฟังธรรมจากนิโครธสามเณร และต่อมาได้อุปถัมภ์การทำสังคายนาครั้งที่ ๓ โดยมีพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระ เป็นประธาน และได้นำพระองค์เสด็จธรรมยาตราจาริกกราบไหว้พุทธสถานที่สำคัญ ได้พบพระสถูปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุในที่ต่าง ๆ ที่เสด็จไปถึง หลังจากนั้นพระองค์ได้สร้างอาราม (วัด) จำนวนถึง ๘๔,๐๐๐ แห่งเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้มั่นคง ทรงรับสั่งให้สร้างพระสถูป ๘๔,๐๐๐ องค์ บรรจุพระบรมสาริริกธาตุประดิษฐานไว้ในที่ต่าง ๆ ทั้งในและนอกราชอาณาจักรของพระองค์ สันนิษฐานว่า แม้ในคราวส่งสมณทูต ๙ สาย ออกไปประกาศพระพุทธศาสนายังที่ต่าง ๆ ได้ให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปด้วยทุกสาย ทำให้พระบรมสารีริกธาตุกระจายไปสู่นานาประเทศตั้งแต่บัดนั้นเป็นมา รวมทั้งประเทศไทยซึ่งเป็นดินแดนสุวรรณภูมิ ที่พระธรรมทูตสายที่ ๘ คือ พระโสณะ พระอุตตระ เดินทางมาถึง ได้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาลงในดินแดนส่วนนี้ โดยมีพระมหาธาตุเจดีย์ที่นครศรีธรรมราช และพระปฐมเจดีย์ ตามหลักฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสาริกริกธาตุเป็นหลักฐานสืบมาถึงทุกวันนี้.


*บันทึกข้อมูล และถ่ายภาพ โดย ดร.พระมหาถนัด อตฺถจารี

No comments: